บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไวไวประกาศปรับขึ้นราคา  ชักว่าในช่วงประมาณเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้หลายคนก็ลองพยายามที่จะติดตามข่าวหรือสังเกตเกี่ยวกับเรื่องของสินค้าในประเทศ

ที่มีการทยอยปรับเพิ่มราคาอย่างต่อเนื่องซึ่งจะเห็นได้ว่าทางด้านผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นแบรนด์มาม่าหรือแบนไวหรือแบรนด์อื่นๆก็ตามต่างก็มีการประกาศออกมาว่าจะยังคงมีการตรึงราคาอยู่จะยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาอย่างแน่นอน

       แน่นอนว่าการที่ทางผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแต่ละแบรนด์ที่ได้มีการประกาศออกมาว่าจะไม่มีการเพิ่มราคาให้แพงมากขึ้นเพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่แพงมากนี้ส่งผลทำให้ประชาชนนั้นค่อนข้างดีใจเพราะอย่างน้อยไม่สามารถซื้อสินค้ากินอย่างอื่นได้เพราะของแพงก็ยังมีไวๆพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

      อย่างไรก็ตามปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคมปีพศ. 2565 มีข่าวประกาศออกมาจากทางแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไวว่าจะมีการปรับราคาค่าสินค้าของวัยเนื่องจากว่าไม่สามารถที่จะเป็นราคาต่อไปได้สาเหตุเบื้องต้นมาจากที่ต้นทุนการผลิตนั้นค่อนข้างสูงส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ราคาน้ำมันดิบนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นซึ่งปกติแล้ว

         ในปัจจุบันนี้ถ้าหากใครกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะรู้ได้ว่าถ้าเป็นแบรนด์ไวๆนั้นปัจจุบันจะมีการขายอยู่ที่ประมาณซองละ 5 บาท 50 สตางค์ซึ่งถ้าเกิดว่าทางแบรนด์ไวไวมีการปรับราคาเพิ่มมากขึ้นทางไปมีการประกาศเพิ่มซองละ 50 สตางค์และนั้นค่าใช้จ่ายในการซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะถูกเรียกเก็บเป็นซองละ 6 บาท

         อย่างไรก็ตามทางผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว ยืนยันว่าจะไม่มีการเอาเปรียบผู้บริโภคดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่ก็จะเพิ่มปริมาณสินค้าภายใน 2 เช่นเดียวกันซึ่งจากเดิม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวจะมีปริมาณสินค้าอยู่ข้างในอยู่ที่น้ำหนัก 55 กรัมแต่ในวันที่ 31มีนาคม ปีพ.ศ. 2565 เป็นต้นไปจะมีการเพิ่มปริมาณเป็น 57 กรัมต่อซองนั้นเอง 

         อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียงแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไวเท่านั้นที่ในขณะนี้กำลังมีการประกาศปรับเพิ่มราคาสินค้าชนิดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทผักหรือแม้แต่เนื้อสัตว์ก็มีการปรับเพิ่มราคาเช่นเดียวกันซึ่งในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่กำลังมองว่าทางรัฐบาลจะสามารถช่วยเหลือในเรื่องของราคาสินค้าที่แพงนี้อย่างไรได้บ้าง

       เนื่องจากว่าถ้าหากว่ารัฐบาลไม่ออกมาช่วยเหลือดูแลในเรื่องของราคาสินค้าที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ประชาชนจะต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและเชื่อได้เลยว่าไม่ใช่เพียงแค่ประชาชนเดือดร้อนเพียงเท่านั้นแต่ประเทศไทยก็จะได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย    สล็อตยูฟ่าเว็บตรง

          เชื่อว่าสำหรับใครหลายๆคนที่ได้มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดอาจจะเคยใช้บริการของรถทัวร์ของบริษัทเชิดชัยทัวร์เนื่องจากว่าบริษัทนี้มีการเปิดมานานกว่า 65 ปีแล้วซึ่งเจ้าของบริษัทเชิดชัยทัวร์นั้นก็คือเจ๊เกียวหรือคุณสุจินดาเชิดชัยซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารบขสของประเทศไทยและยังเป็นเจ้าของอู่

         อย่างไรก็ตามอย่างที่เรารู้กันดีว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยดีมากนักที่สำคัญ   ปิดตำนานเชิดชัยทัวร์เจ๊เกียว    ในช่วงเวลานี้น้ำมันยังมีการแพงขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าราคาน้ำมันจะลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดีเซลที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดีของรถทัวร์นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าผู้คนนั้นหยุดการเดินทางถามจังหวัดซึ่งส่วนหนึ่งนั้นมาจากการที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานและไม่ได้มีการเดินทางในวันหยุดยาวอีกส่วนหนึ่งนั้นก็คือการหยุดเดินทางเพราะเกรงเรื่องของการระบาดของไวรัสโควิด

           ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในขณะนี้บริษัทรถทัวร์ได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ๊เกียวได้ออกมาพูดถึงการขาดทุนของบริษัทเชิดชัยทัวร์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 2-3 ปีแล้วเริ่มตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิชผู้คนก็เดินทางกันน้อยลงซึ่งเจ๊เกียวระบุว่าแต่ก่อนนั้นบริษัทเชิดชัยทัวร์มีรถทัวร์อยู่ในบริษัทมากกว่า 200 คันแต่ตอนนี้รถส่วนใหญ่กับต้องจอดอยู่ที่ลานจอดรถและสามารถนำมาวิ่งโดยสารได้เพียงแค่ประมาณ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของรถทั้งหมดที่มีอยู่เพียงเท่านั้นสาเหตุนั่นก็เพราะว่าไม่มีผู้โดยสารเลย

          ดังนั้นอีก 70 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นก็คือจอดทิ้งไว้ในอู่และจอดทิ้งไว้มานานกว่า 2 ปีแล้วทำให้บริษัทเชิดชัยทัวร์มีการขาดทุนอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าบริษัทจะนำรถเพียงแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ออกมาวิ่งรับผู้โดยสารอยู่ในตอนนี้แต่ก็ไม่คุ้มทุนไม่คุ้มค่าเพราะผู้โดยสารมีน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา 07:00 น แทบจะไม่มีผู้โดยสารขึ้นรถโดยสารเลยบวกกับน้ำมันตอนนี้ที่มีราคาแพงทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนอย่างต่อเนื่องทุกวัน

        ซึ่งในขณะนี้เจ๊เกียวระบุว่ารายจ่ายที่มีการจ่ายออกไปเฉพาะแค่ค่าน้ำมันอย่างเดียวเดือนนึงไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาทในขณะที่รายรับนั้นได้ไม่ถึงเดือนละ 4 ล้านบาทด้วยซ้ำไปเพราะฉะนั้นบริษัทเชิดชัยทัวร์จึงได้มีการแบกรับต้นทุนมานานหลายปีและเจ๊เกียวมองว่าตนเองอายุ 85 ปีแล้วไม่อยากที่จะทำให้ตนเองนั้นต้องเหนื่อยมากจนเกินไปและเมื่อมีการไปถามลูกที่มีอยู่ทั้งหมด 4 คนด้วยกันก็ไม่มีลูกคนไหนที่อยากจะสานต่อธุรกิจบริษัททัวร์นี้เลย

        ดังนั้นจึงยืนยันว่าจะมีการติดต่อเพื่อทำการขอปิดกิจการของบริษัทเชิดชัยทัวร์ซึ่งจะมีการขายกิจการต่อโดยจะมีการติดประกาศขายอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่มีการไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของการยุติการทำธุรกิจรถทัวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งถือได้ว่าเป็นการปิดตำนานเจ้าแม่รถทัวร์ของเมืองไทยซึ่งมีมานานกว่า 65 ปีของเจ๊เกียวนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  สล็อตยูฟ่าเว็บตรง